วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แถลงการณ์ของกอท.เสรีไทย:ต่อต้านการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมกับชาวพุทธ


เรียนพี่น้องผู้รักความเป็นธรรม

เราได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายประยุทธ์และรัฐบาลเผด็จการคสช.ต่อกรณีวัดธรรมกายมาโดยตลอดและสรุปได้อย่างไม่มีข้อสงสัยเลยว่านายประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะมีเจตนาร้ายต่อพุทธศาสนานับตั้งแต่การหนุนหลังอลัชชีนายสุวิทที่อ้างตัวเองว่าชื่อพุทธอิสระออกเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนในพุทธศาสนาเพื่อไม่ให้แต่งตั้งสังฆราชตามมติของมหาเถรสมาคมจนนำไปสู่การแก้กฎหมายสงฆ์แล้วแต่งตั้งสังฆราชตามอำเภอใจแล้วก็ตามมาด้วยใช้อำนาจเถื่อนม.44ปิดล้อมวัดโดยแปรสภาพอำเภอคลองหลวงเป็นเสมือนเขตสู้รบปราบโจรผู้ก่อการร้ายที่ภาคใต้

ตลอดเวลาที่พวกมันปล้นอำนาจประชาชนมาเกือบ3ปี,นอกจากมันทำร้ายพุทธศาสนาแล้วมันก็มิได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนเลย,อีกทั้งยังทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงหาแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเอง,พรรคพวกและครอบครัวของมันจนผู้คนเปลี่ยนนามสกุลมันเป็น"โจรโอชา"...พฤติกรรมของประยุทธ์และพวกจึงไม่ต่างอะไรกับโจร 
ในขณะที่มันเหยียบย่ำหัวใจชาวพุทธ,มันก็กลับแสดงความเคารพนบนอบและให้การสนับสนุนศาสนาอื่นเสมือนว่าเป็นศาสนาของพวกมัน

ในสถานการณ์เช่นนี้ทางออกที่เป็นไปได้ดิฉันขอเรียกร้องให้พี่น้องไทยผู้รักความเป็นธรรมทั่วโลกต้องสามัคคีกันติดตาม,ให้กำลังใจต่ออุบาสกอุบาสิกาและพระสงฆ์ที่ต่อสู้อย่างสันติวิธีที่ร่วมกันสวดมนต์เจริญธรรมทั้งในวัดและรอบๆวัดธรรมกายและช่วยกันเผยแพร่ข่าวสารของวัดให้โลกได้รับรู้เพื่อไม่ให้พวกโจรคสช.ใช้เครื่องมือสื่อสารปิดล้อมและบิดเบือนให้ร้ายแก่วัดได้(ดังตัวอย่างคลิปที่แนบมานี้)
 ด้วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุญกุศลและความดีงามที่หลวงพ่อธรรมชโยร่วมกับพุทธศาสนิกชนที่ได้ร่วมกันจรรโลงพระศาสนามายาวนานนี้จะได้ดลจิตใจให้เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยและชั้นผู้ใหญ่ทั้งทหารตำรวจและข้าราชการพลเรือนได้มีดวงตาเห็นธรรมและหยุดการรับใช้"คณะโจรคสช."หรือร่วมกันแสดงการเฉื่อยงานไม่รับคำสั่งของพวกมันอีกต่อไป

ขอให้อำนาจแห่งธรรมชนะอำนาจโจร

ดร.ดารณี รวีโชติ
ผอ.กองอำนวยข่าวกลางองค์การเสรีไทย
18กุมภาพันธ์2560
---------------------
ตัวอย่างคลิปและข่าวที่ต้องช่วยกันเผยแพร่
🌐5เรื่องดัง!!ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย 
🌐https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1154849221291947&id=878611588915713

*เผยแพร่ข่าวธรรมคือช่วยกันต่อต้านคสช.

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กำหนดยุทธศาสตร์ผ่าน 'การปรองดอง'



ต้องใช้สถานการณ์ความปรองดองเป็นยุทธศาสตร์เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ
.
"สถานการณ์ของประเทศไทยมาถึงจุดที่ต้องสร้างความปรองดองอย่างไม่มีทางปฏิเสธได้ของทุกฝ่าย"
.
เริ่มจากฝ่ายด้านหลักของความขัดแย้งคือ ระบอบอำมาตย์เก่าที่ได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์แต่เมื่อการเปลี่ยนผ่านรัชกาล มาเป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบันที่อยู่ตรงข้ามกับระบอบอำมาตย์เก่า จึงมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลาถ้าความขัดแย้งยังดำรงค์อยู่เช่นนี้
.
ส่วนถ้าจะปล่อยให้ คสช. บริหารประเทศอยู่ย่างยาวนานก็มีความเสี่ยงร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นพระองค์จึงไม่มีทางอื่นที่จะทำให้เกิดความมั่นคงได้ นอกจากสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ไม่เดินตามกษัตริย์องค์ก่อนประเทศชาติก็จะไปได้สวย
.
ฝ่ายต่อมาคือ ระบอบอำมาตย์เก่าบวกพรรคประชาธิปัตย์ ที่กษัตริย์องค์ก่อนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่มีความพยายามจะทำลายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง และแย่งชิงบัลลังก์จากรัชทายาทที่เป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบันแต่ไม่สำเร็จ จนเมื่อการเปลี่ยนผ่านรัชกาลไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ต้องอยู่ในสภาพเป็นฝ่ายตรงข้ามของกษัตริย์องค์ใหม่ก็มาถึงทางตัน ต้องยอมรับสภาพ “ลาโรง” พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเปลี่ยนอุดมการณ์พรรคจากอนุรักษ์นิยมเป็นประชาธิปไตยเสรีนิยม เข้าสู่การเลือกตั้งอย่างบริสุทธิยุติธรรมไม่ต้องหลังพิงวังอีกต่อไป ดังนั้นระบอบอำมาตย์เก่ากับพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมรับความปรองดองตามประสงค์ของกษัตริย์องค์ใหม่
.
อีกฝ่ายคือรัฐบาล คสช.ที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มอำมาตย์เก่า มาถึงวันนี้ถ้าคิดจะใช้ความเป็นตาอยู่สืบทอดอำนาจต่อไปก็ไม่มีทางอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะกษัตริย์องค์ใหม่ไม่ต้องการ ทั่วโลกไม่ยอมรับ กลุ่มอำมาตย์พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับ พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดงไม่ยอมรับ จึงอยู่สภาพเหมือนเดินอยู่ปากเหว
.
เวลานี้ต้องทำตามกระแสรับสั่งแบบขีดเส้นตายให้สร้างความปรองดองให้สำเร็จ มิฉะนั้นจะถูกรัฐประหารเงียบ จึงไม่มีทางเลือกจึงต้องสร้างความปรองดองก่อน แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งจากนั้นวางมือมีกินมีใช้สบายไปตลอดชีวิต
.
มาถึง ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงทั้งหลาย อย่ามองความปรองดองเป็นแค่ยุทธวิธี หรือคิดว่าจะเป็นความพ่ายแพ้ เดินไปตามความต้องการของฝ่ายตรงข้ามขัดกับแนวทางนอกสภาและยุทธศาสตร์ สะสมกำลังลุกขึ้นสู้เมื่อมีความพร้อมอย่างเข้าใจผิด
.
จริงๆ แล้วนี่คือพัฒนาการของการต่อสู้ที่เข้าทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายเราเป็นภาคบังคับที่ทุกฝ่ายต้องเดินตามนั้นคือ “ยุทธศาสตร์สะสมกำลังลุกขึ้นสู้เมื่อมีความพร้อม" เพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างสันตินั้นเอง เราควรจะดีใจที่สถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงเป็นไปเช่นนี้ เพราะเราไม่ต้องการให้ประเทศของเราเป็นเหมือนประเทศซีเรียในปัจจุบัน
.
ดังนั้นความปรองดอง จึงเป็นทั้งยุทธศาสตร์และความปรารถนาของพวกเรา ถ้าสำเร็จก็จะเป็นชัยชนะอีกก้าวหนึ่งของพวกเรา พวกเราจึงต้องสนับสนุนการปรองดอง เมื่อสำเร็จและเราค่อยกำหนดยุทธศาสตร์ขั้นต่อไป เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศไทยให้ได้
.
"นักปฏิวัติต้องมีความฉลาด รู้จักปรับเปลี่ยน ใช้สถานการณ์ให้เกิดประโยชน์ ในการต่อสู้อย่าซื่อบื้อตายตัว หรือบ้าเลือดสุดขั้วอย่างเด็ดขาด"
.
.
สุรชัย แซ่ด่าน
10 กุมภาพันธ์ 2560