วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เข้าใจความเลวร้ายของร่างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช.อย่างง่าย





หัวใจหลักอยู่ที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่อยู่ใต้กษัตริย์แต่อยู่เหนือรัฐบาลและประชาชนที่สื่อมวลชนขนานนามว่า"คณะโปลิตบูโร"แบบระบอบคอมมิวนิสต์แต่ของไทยน่าจะเรียกว่า"คิงมิวนิสต์" เพราะเป็นคณะผู้มีอำนาจสูงสุดที่ขึ้นต่อกษัตริย์มีอำนาจล้นฟ้าและเป็นอันตรายต่อคนไทยอย่างไร?โปรดติดตาม

คุยกับนักกฎหมายหลายคนให้ความเห็นถึงอันตรายและอภิมหาอำนาจของคณะกรรมการ ฯ ที่ขอเรียกง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า โปลิตบิวโร ชุดนี้ในขั้นต้น มาดูกันเป็นข้อ ๆ นะครับ

ที่มาของกลุ่มโปลิตบิวโร
ร่าง รธน. ม. 260 ให้มี คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ 22 คน ประกอบไปด้วย
ประธานรัฐสภา , ประธานวุฒิสภา , นายกรัฐมนตรี , ผบ.สส , ผบ.ทบ, ผบ.ทร. , ผบ.ทอ. , ผบ.ตร. อดีตประธานรัฐสภา , อดีตนายกรัฐมนตรี , อดีตประธานศาลฎีกา และอีก 11 คนแต่งตั้งโดยมติรัฐสภา ที่ปัจจุบันคือสภาของเผด็จการทหารอยู่แล้ว

แถมเมื่อตอนที่ตั้งขึ้นนี้ คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ที่จะตั้งขึ้นมา ล้วนเป็นคนที่สืบเนื่องจาก คสช. ทั้งสิ้น เพราะสภาตอนนี้ก็ยังเป็นสภาของมัน แล้วยังระบุว่าหาก กก.ยุทธศาสตร์ฯ เสนอมาตรการหรือแนวทางแล้วรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ให้ชี้แจง กก.ยุทธศาสตร์ฯ และหาก กก.ยุทธศาสตร์ฯ เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ยังยืนยันตามมาตรการที่เสนอไป รัฐบาลจะต้องปฎิบัติตาม
ไม่เช่นนั้นจะ ถือเป็นการฝ่าฝืนได้และรัฐบาล จะต้องถูกดำเนินคดีโดยคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ใน ม. 262

ครม.มีสิทธิเข้าคุกนะครับ ถ้าไม่ทำตามคำสั่งพวกนี้

มีอำนาจปลดนายกรัฐมนตรีได้ด้วย
ใน ม. 262 กำหนดให้มี สภาดำเนินการปฎิรูปและสร้างความปรองดอง ซึ่งทำให้นอกจาก กก.ยุทธศาสตร์ฯ มีอำนาจสั่งรัฐบาลทำอะไรก็ได้ ยังมีองค์กรที่รองรับในคำสั่งนั้นอีกด้วย โดย กก.ยุทธศาสตร์ ฯ จะสามารถแต่งตั้งเพิ่มสมาชิกของสภา ฯ นี้ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ใน ม. 280 ยังให้ ประธาน กก.ยุทธศาสตร์ ฯ โดยความเห็นชอบของกรรมการ 2 ใน 3 มีอำนาจสั่งการ ระงับ ยับยั้ง หรือกระทำการใดๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติหรือในทางบริหารและให้ถือว่าคำสั่งเป็นที่สุด แสดงว่ากรรมการชุดนี้มีอำนาจในการตรากฎหมาย และปลดนายกรัฐมนตรีได้ด้วย

มีอำนาจยาวนานโดยไม่มีวาระสิ้นสุด
ไม่มีการกำหนดวาระของทั้ง กก.ยุทธศาสตร์ ฯ และสภาดำเนินการปฎิรูป ฯ นี้ไว้เลย เพียงแต่ว่าครบ 5 ปีแล้ว กก.ยุทธศาสตร์ฯ จะไม่สามารถใช้อำนาจทางนิติบัญญัติได้ตามมาตรา 280 เท่านั้น แต่ก็ยังสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 262 ในการเสนอนโยบายไปยังรัฐบาลและบังคับให้รัฐบาลทำตามนโยบายของตนได้เรื่อย ๆ แถมเป็นเรื่องยากที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะในร่าง รธน.นี้ ระบุถึงการข้อห้ามการแก้ไขไว้ว่า หากแก้แล้วไม่เป็นประชาธิปไตย และห้ามแก้ในรูปแบบของของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากจะแก้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกภาคส่วน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการยุทธศาสตร์ชุดนี้ด้วยนั่นเอง

ร่างกันออกมาเพื่อสืบทอดอำนาจกันอย่าง “บัดซบ” และเป็นอันตรายต่อคนไทยที่รักประชาธิปไตยกันขนาดนี้ ยังเสือกออกมาข่มขู่ห้ามคนไทยวิพากษ์วิจารณ์อีก แม่งขยะสมชื่อจริง ๆ

รายการ"รู้แล้วต้องเร่งเปลี่ยนระบอบ"



ความเลวร้ายของระบอบเผด็จการศักดินาคือการปล้นงบประมาณจากภาษีของประชาชน,เปิดโปงความเลวร้ายงบปี2559คนไทยจะยิ่งจนหนักขึ้น

*หลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับงบประมาณของพระราชวังนอกจากจะแฝงอยู่ในทุกกระทรวงแล้วที่แฝงมากที่สุดอยู่ในงบกลางของสำนักนายกรัฐมนตรีที่นำไปใช้ได้โดยไม่ต้องมีโครงการล่วงหน้าเดิมทุกรัฐบาลตั้งไว้1แสนล้านบาทแล้วแต่ว่าสำนักพระราชวังรวมทั้งทุกคนในราชวงศ์จะเอาอะไร?รัฐบาลก็จะนำเงินนี้จัดให้แต่นับตั้งแต่ประยุทธ์ยึดอำนาจมันได้เอาเงินภาษีไปบำรุงบำเรอคนในวังเต็มที่และมันก็ได้เศษเนื้อกินอิ่มสำราญดังนี้

•ปีแรกยึดอำนาจประยุทธ์เพิ่มงบกลางจากเดิม1แสนล้านเป็น3แสนล้าน,ขึ้นปีที่สองต้องเพิ่มเป็น4แสนล้านเพื่อให้วังพอใจจึงเท่ากับเป็นการจ่าย"ค่านายหน้าในการอนุญาติให้ปล้นประชาธิปไตย"

•งบประมาณปี2559ประยุทธ์รู้ล่วงหน้าว่ารัฐไทยถังแตกแล้วแต่กลับกู้เพิ่มอีก400,000ล้านบาทจึงเป็นหลักฐานชัดว่าพวกมันไม่ได้บริหารประเทศแต่มัน"ปล้นประเทศ"เพื่อราชสำนักและพวกมัน,มันเห็นประชาชนงมงายเชื่อแต่กษัตริย์มันจึงบำรุงบำเรอให้แต่กษัตริย์และครอบครัวเป็นหลัก พวกกษัตริย์ก็พอใจอยู่สบายไม่สนใจความทุกข์ยากของประชาชน คอยแต่โฆษณาหลอกไปวันๆว่าให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียง

https://youtu.be/Y1Q8YaJnw6A














วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข่าวลับกรองแล้ว: การแย่งชิงราชบัลลังก์คือสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยปัจุบัน


ขอแนะนำบทความพิเศษที่หากคนไทยได้รู้ความจริงความขัดแย้งจะยุติลงเรื่องแดงเหลืองเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา




สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/


การแย่งชิงราชบัลลังก์คือสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยปัจุบัน
   
 โดย แสงตะวัน

วิกฤติ ของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้คือวิกฤติการแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่าง ลูกชาย ลูกสาว และเมียของกษัตริย์ภูมิพล เป็นเรื่องภายในครอบครัวซึ่งกษัตริย์ภูมิพลเองไม่สามารถจัดการให้มันลงตัว ได้ แต่ โยนปัญหาครอบครัวให้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย โดยมี รัฐบาล รัฐสภา ประชาชนและประเทศชาติเป็นฝ่ายรับผิดชอบแก้ไขปัญหาให้โดยตัวเองไม่กล้ารับผิด ชอบ นี้คือสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในเวลานี้
ก่อน การยึดอำนาจ19 กันยายน 2549 กษัตริย์ภูมิพลป่วยหนัก แต่ประชาชนไม่รู้ และมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าหลังจากการยึดอำนาจ พระเทพ ฯลูกคนที่สามซึ่งกษัตริย์ภูมิพล ต้องการให้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ได้ ไปทำพิธีต่ออายุให้กษัตริย์ภูมิพลในจังหวัดทางภาคเหนือในขณะเดียวกัน กษัตริย์ภูมิพลก็เข้าโรงพยาบาลทำการผ่าตัดใหญ่ที่กระดูกสันหลังซึ่งป่วยมาจน บัดนี้ และได้ทำโรงพยาบาลศิริราชเป็นพระราชวังสำหรับกษัตริย์ภูมิพลโดยเฉพาะ การยึดอำนาจเป็นการส่งสัญญาญถึงประชาชนใน ๒ เรื่อง ชี้บอกถึงว่าทางวังจะมีการเปลี่ยนแปลงรัชกาลคือ : 

1) คณะรัฐประหารใช้ภาษาว่าเป็นระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งพลเอกเปรมเองก็ได้ออกมาพูดว่า “ เป็นคนไทยเกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน “ นั้นหมายความว่าพลเอกเปรมจะเป็นคนกำหนดว่าใครจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ปัญหามีอยู่ว่า พลเอกเปรมรับคำสั่งมาจากใคร ? เมื่ออ่านรัฐธรรมนูญปี พ.ศ 2540 และปี พ.ศ. 2550 ในหมวดพระมหากษัตริย์ จะมีข้อความเหมือนกัน โดยให้พลเอกเปรมเป็นคนเสนอชื่อรัชทายาทที่จะขึ้นครองราชย์สืบทอดราชบัลลังก์ ต่อรัฐบาล โดยให้รัฐบาลเสนอต่อรัฐสภาเป็นที่ชัดเจนว่าให้ผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์การแก้ไขที่จะเกิดขึ้นใหม่ ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เสนอห้ามแตะต้องอย่างเด็จขาด นั้นหมายความว่าห้ามแตะต้องอำนาจพลเอกเปรมในรัฐธรรมนูญ ถ้า เป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่ได้แก้ไขต้นเหตุแห่งความวุ่นวายในการแต่งตั้งกษัตริย์ จึงเป็นสาเหตุแห่งความวุ่นวายของปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ 

2 ) เรื่องการสืบราชสันตติวงค์ตามกฏมณเทียรบาลเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ภูมิพลโดย ตรงในการตัดสินใจแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 ว่าจะให้ใครเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป แล้วเรื่องยุ่งยากทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไป แต่กษัตริย์ภูมิพลกลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้ปัญหาความยุ่งยากของครอบครัวเป็นปัญหาของประชาชนในประเทศต้องเกิด ความขัดแย้งกันเป็นปัญหาวุ่นวายอยู่ในเวลานี้ นอกจากนั้นยังโยนเรื่องนี้ให้เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งตามหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติไว้ว่าไม่ให้แก้ไขและใครแตะต้องไม่ได้ จึงกลายมาเป็นหมวดที่ควบคุมรัฐบาลและรัฐสภาไปในตัว ดังนั้นการมีรัฐบาลที่พลเอกเปรมควบคุมได้ก็คือตัวกำหนดองค์รัชทายาทรัชกาล ที่ 10 ฉนั้นพลเอกเปรมจึงต้องการควบคุมรัฐบาลเพื่อให้การแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 เป็นไปตามความประสงค์ของตน คนที่จงรักภักดีเช่นอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช ที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เพราะนายสมัคร จะเอาเจ้าฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 และรัฐบาลทักษินก็ต้องการฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งตามกฏมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์ ในฐานะเป็นองค์มกุฏราชกุมารฟ้าชายย่อมเป็นผู้มีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น แต่พลเอกเปรมมีความขัดแย้งกับฟ้าชายไม่ยอมให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ 10 เพราะเปรมต้องการให้พระเทพ ฯ ขึ้นเป็นกษัตริย์ 
ด้วย เหตุนี้การยึดอำนาจ วันที่ 19 กันยายน 2549 จึงทำเพื่อการนี้ โดยเฉพาะ หลังจากการยึดอำนาจมีการวางแผนที่จะควบคุมอำนาจไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี เพราะไม่รู้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะตายเมื่อไหร่ โดยได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญให้อำนาจรัฐสภา อำนาจรัฐบาลอยู่ภายใต้อำนาจตุลาการทั้งหมดในช่วงเวลาถึง 9 ปี ภายใต้คำพูดที่เรียกว่า “ ตุลาการภิวัฒน์ “ แล้วใครเป็นคนใช้ศาลได้ถ้าไม่ใช่กษัตริย์ภูมิพลเอง ? 

ดัง นั้นเมื่อรู้ปัญหาชัดเจนเช่นนี้กษัตริย์ภูมิพลควรแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 ขึ้นมาเสียเอง เป็นการแก้ปัญหาทั้งหมดให้จบสิ้นไป ประชาชนจะได้ไม่ต้องแบ่งแยกทางความคิดและเข่นฆ่ากันเหมือนกับที่เป็นอยู่ ในเวลานี้ประเทศชาติจะได้เดินหน้าพัฒนาต่อไปเสียที แล้วทำไมกษัตริย์ภูมิพลจึงไม่ทำ ? . 

จาก ประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าในราชวงค์จักรีมีการแย่งชิงราชบัลลังก์กันมา ตลอดเวลา เริ่มต้นโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ฆ่าพระเจ้าตากสินหลังจากนั้น ได้ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์แล้วสถาปนาราชวงค์จักรีขึ้นมา จากนั้นมาก็มีการแย่งชิงราชบัลลังก์กันมาแทบทุกรัชกาล พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ อาฆ่าหลาน แม่ฆ่าลูก เป็นเรี่องประวัติศาสตร์ของราชวงค์จักรี การที่กษัตริย์ภูมิพลได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ก็เหมือนแย่งชิงราช บัลลังก์มาจากพี่ชาย ถึงรุ่นลูกกษัตริย์ภูมิพลก็ควรจะจัดการปัญหาให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ตามกฏมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์ ไม่ควรปล่อยให้มีการแย่งชิงกันฆ่ากันเหมือนในอดีตซึ่งทำให้เป็นสาเหตุปัญหา ใหญ่ของประเทศชาติ ของประชาชน ของรัฐบาล และของรัฐสภา ที่จะต้องมาแก้ปัญหาให้ครอบครัวกษัตริย์เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว ของกษัตริย์ภูมิพลเอง .

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข่าวลับกรองแล้ว20สิงหาคม2558 : ครม. ใหม่ไม่มีใครเซนต์แต่งตั้งคงนั่งบริหารกันอย่างเถื่อนๆ



สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.) http://thaiscandemo.blogspot.com/ 




*ที่สุดแล้วเศรษฐกิจไทยก็ไปไม่รอดเพราะถ้ารอดก็ไม่ต้องเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจเชื้อพระวงศ์"หม่อมอุ๋ย+สมหมายภาษี"...แต่ทีมใหม่นี้ยิ่งไปไม่รอดหนักกว่าเดิมเพราะเป็นเหล้าใหม่ในโถขี้เก่าคสช.ที่เหม็นคละคลุ้งแถมยังไม่มีใครเซนต์แต่งตั้ง 

*โผครม.ประยุทธ์3หลุดออกมาแล้วก่อนมีเสียงระเบิด(หลังจากประยุทธ์เล่นลครโกหกและกักขฬะหน้าสื่ออยู่นาน)ขณะนี้อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้า...คงคลอดไม่ยากแต่จะเป็นครม.เถื่อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทยมาเพราะแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่14บอกความจริงแล้วว่ากษัตริย์ภูมิพลกลายเป็นผักอย่างสิ้นสงสัยนอนให้อาหารทางสายยางและระบบน้ำในสมองมีปัญหาเกินกว่าจะเยียวยาซึ่งสปท.ได้รายงานไปแล้วฉบับล่าสุดลว.12สิงหาว่านอนหลับทั้งวันเสล็ดมากแม้แต่ต่อสายยางให้อาหารทางปากยังไม่ได้เพราะจะสำลัก...วันนี้กำลังตัดสินใจว่าจะต้องเจาะคอหรือไม่เพราะเสล็ดมากกำลังปอดไม่แข็งแรงพอจะขับเสล็ดออกได้ตามปกติ 

*รับประกันได้ไม่มีทางที่จะมีภาพประยุทธ์นำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์แน่นอน...ถ้ามีก็ให้รู้ไว้ใช้เทคนิคตัดต่อหลอกล่อสลิ่มกันต่อไปว่ายังมีพระพลานามัยสมบูรณ์ 

*จะให้ถวายสัตย์กับตัวแทนคือคุณป้าก็บ้าไปแล้ว...ภาพล่าสุดที่สำนักพระราชวังบรรจงถ่ายแจกแหกตาประชาชนว่าคุณป้าสมจิตทำบุญวันเกิดก็จัดกันแบบพอเพียงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเพราะคุณป้าหน้าก็ไม่ยอมแต่งปากแดงก็ซีดไปทั้งลูกชายลูกสาวต้องคอยประกบสองข้างเพราะแค่จะยกมือไหว้พระยังทำไม่ได้ต้องคอยจับมือให้พนม...พระที่ได้รับนิมนต์ไปยังต้องก้มหน้าหลบตาไม่กล้ามองเพราะกลัวจะเจอคดี112ข้อหา"เป็นผู้เอาภาพที่เห็นจริงแต่ไม่ตรงกับภาพข่าวแจกของวังออกมาเผยแพร่" 

*ฉายาครม.ชุดนี้เรียกให้เต็มยศคือ"คณะรัฐมนตรีชุดพระปรมาภิไธยปลอม" 

*ทีมเศรษฐกิจใหม่ที่ประยุทธ์ฝันว่าจะมาแก้หน้าก็ดูหน้าสงสารจังเพราะประวัติหัวหน้าทีมก็เน่ามานาน...มาดูประวัติจริงของสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่วิกิพีเดียยังไม่รู้...เดิมชื่อเด็กชาย"ฮั่วกวง แซ่จัง"เด็กๆแถวโรงเรียนเผยอิงเยาวราชเรียกว่า"ไอ้กวง"เป็นน้องชายนายสม จาตุศรีพิทักษ์อดีตผู้บริหารธนาคารเอเชียทรัสต์และเจ้าของธนาคารนครหลวงไทย เป็นตัวใหญ่อาชญากรทางเศรษฐกิจตัวจริงหนึ่งในกลุ่มธนาคารเถ้าแก่สายพลเอกเปรมที่เป็นปลิงดูดเลือดระบบเศรษฐกิจไทยมายาวนานจนระบบเศรษฐกิจพังทลายเมื่อปี2540และเป็นหนึ่งในกลุ่มเถ้าแก่ที่ล้มบนฝูกคือธนาคารล้มละลายปิดตัวไปทิ้งขี้ให้ประชาชนจนถึงวันนี้ธนาคารนครหลวงไทยของพี่ชายสมคิดเป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารล้มละลายที่ยังติดหนีี้กองทุนฟื้นฟูธนาคารรวมเป็นแสนแสนล้านที่ทุกรัฐบาลปวดกบาลเพราะยังต้องตั้งงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในระบบบัญชีที่ปิดไม่ลงเกือบ20ปีแล้ว...แม้ธนาคารล้มแต่เถ้าแก่สม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชายหัวหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่ยังรวยเป็นปกติ ยังรับใช้เลียตีนพลเอกเปรมตั้งแต่ก่อนธนาคารล้มละลายจนถึงวันนี้ดังนั้นตั้งแต่พลเอกเปรมทำรัฐประหารเมื่อ19กันยายน2549ล้มทักษิณและทำต่อเนื่องจนถึงล้มยิ่งลักษณ์, เสี่ยสมพี่ชายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ก็ยังติดกลุ่มผู้สนับสนุนเผด็จการเปรมจนถึงขณะนี้ยังได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาสุนัขรับใช้แห่งชาติ(สนช.) 

*ความใกล้ชิดกับพลเอกเปรมของ"เสี่ยสม"คนนี้มีมาตั้งแต่ว่าที่รองนายก"ไอ้กวง"ยังเป็นเด็กนุ่งกางเกงขาสั้นหลักฐานชัดเจนคือก่อนที่ธนาคารนครหลวงไทยจะเจ๊งในปีวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ต้มยำกุ้ง2540พลเอกเปรมถึงขั้นถือเงินสดห้าแสนบาท(เป็นเงินที่นายสมจัดถวายพลเอกใส่พระหัตถ์พลเอกเปรมเพื่อจัดฉาก)เดินไปฝากเงินที่ธนาคารนครหลวงไทยเพื่อเรียกความเชื่อมั่นเพราะเวลานั้นประชาชนแห่กันไปถอนเงินหาคนฝากเงินไม่มี...ดังนั้นคงไม่แปลกใจว่าทำไมประยุทธ์จึงต้องญาติดีกับสมคิดตั้งแต่เริ่มต้นดึงเข้ามาเป็นที่ปรึกษาคสช.และถึงขนาดต้องประกาศขอตัวมาช่วยงานในงานแต่งลูกชายสมคิดเมื่อ25กรกฎาที่ผ่านมาจนเป็นที่ฮือฮาในหน้าหนังสือพิมพ์ก็เพราะเป็นเด็กฝากจากสายพลเอกเปรม...ถ้ารู้ลึกไปกว่านี้ก็จะรู้ว่ารัฐบาลประยุทธ์ข้างในมีแต่ขี้กับใส้ดังนั้นอาการไข้ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจึงไม่มีทางฟื้น 

*"ไอ้กวง"มันกลวงสมชื่อจริงๆมีแต่ไอ้"ไอ้เปรม"ที่แก่จนหลงและหลงเชื่อว่านายสมคิดมีน้ำยาเพราะไอ้กวงกับสมพี่ชายนั่งประคบประหงมคนแก่และทูลรายงาน"องค์เปรม"ว่าสมัยที่เศรษฐกิจยุคทักษิณเฟื่องฟูนั้นเป็นฝีมือไอ้กวงจนบ้านสี่เสาเชื่อกันทั้งบ้าน(เพราะไอ้กวงจริงๆจบด้านการตลาดเป็นเพียงนักโฆษณาไม่ใช่จบทางด้านเศรษฐกิจการธนาคาร)ถึงขนาดเปรมใช้บังสนธิยึดอำนาจเมื่อ19กันยา49พลเอกสุรยุทธลูกป๋าขึ้นเป็นนายกฯยังต้องเอาไอ้กวงมาเป็นที่ปรึกษาแต่ตอนนั้นภาพลักษณ์ไอ้กวงยังแกะไม่ออกจากทักษิณและคณะยึดอำนาจกำลังจะล้างบางตัดสิทธิ์กรรมการไทยรักไทย5ปี ไอ้กวงจึงต้องมีอันเป็นไปใน3วัน7วันทันที 

*ความเดิมไอ้กวงเป็นเด็กทักษิณ(ตอนนั้นยังไม่ได่แบ่งสายแดงเหลืองนักธุรกิจทั้งหลายต้องขึ้นสายเจ้าผ่านเปรมไม่เช่นนั้นโตไม่ได้)ที่เริ่มต้นชีวิตการเมืองก็มีอาการขี้ขึ้นสมอง...จากสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดทักษิณก็ประเคนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงขุนคลังให้แต่ไอ้กวงไม่กล้ารับเพราะยังกระดูกอ่อนจึงขอไปว่าการกระทรวงพานิชย์แต่ปรากฎว่าถูกขาใหญ่การสื่อสารอดิศรัย โพธารามิกที่นำพลพรรคสส.จากชาติพัฒนามาร่วมพรรคไทยรักไทยหลายคนตกลงจองไว้กับทักษิณก่อนแล้ว สมคิด"กวง"จึงแห้วจำต้องขาสั่นไปนั่งที่กระทรวงการคลังดังนั้นการบริหารทั้งหมดจึงทำตามที่ทักษิณสั่งการ แต่"กวง"มีศิลปในการโม้ต่อสาธารณะจึงดูท่าทางเป็นเรื่องเป็นราว 

*กวงเป็นเด็กไร้เดียงสาทางการเมืองพอเริ่มอยู่ไปรัฐบาลทักษิณแก้ปัญหาวิกฤติต้มยำกุ้งได้สำเร็จ,กวงก็ตีกินและเริ่มฟันกระสันอยากเป็นนายกบ้างและเมื่อสัญญานล้มทักษิณแจ่มชัดในปี2548พี่ชายสมจึงดึง"ไอ้กวง"แปรพักต์ออกห่างทักษิณไปสวามิภักดิ์องค์เปรม,กวงเป็นเด็กหน้าซื่อใสแต่ใจคดได้แอบไปร่วมประชุมกับพลเอกสุรยุทธ์ก่อนการรัฐประหาร2549ณ.ที่แห่งหนึ่งด้วยหลงเชื่อว่าองค์เปรมจะให้รางวัลปั้นขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะพันธมิตรกำลังเริ่มก่อจราจลตามแผนขององค์เปรมอย่างโจ่งแจ้งแล้วแต่การประชุมลับที่เด็กชายกวงแอบไปนั้นไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของทักษิณได้พอเจอทักษิณดักทางถึงกับหน้าถอดสีในเวลานั้น(*องค์เป็นคำย่อจากคำว่า"องคมนตรี"ที่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานองคมนตรีถูกบังคับให้ใช้เรียกชื่อองคมนตรีทุกคนแทนคำว่านาย) 

*มาถึงวันนี้การเป็นที่ปรึกษาพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ดีและก้าวขึ้นเป็นที่ปรึกษาคสช.จนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเผด็จการคสช.ของสมคิดจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะประยุทธคือคนโง่แห่งยุคศตวรรษที่21ที่คอนเนคชั่นด้านเศรษฐกิจการเมืองตีบตันดังนั้นการโหนอำนาจจึงต้องโหนสถาบันเจ้าทุกทางโดยจำต้องใช้มือหนึ่งโหนองค์เปรมและอีกมือหนึ่งโหนฟ้าชายจึงเป็นที่มาของสมคิดได้ขี่คอประยุทธ์ในวันนี้ 

*ก็เพราะครม.ประยุทธ์3เป็นเหล้าใหม่ในโถขี้เก่าที่ถูกทั้งโลกประนามจากการยึดอำนาจและละเมิดสิทธิมนุษยชนตั้งแต่จับขังประชาชนด้วย112จนถึงโลฮิงยาและเป็นขี้ข้าจีนเพราะจนตรอกจนต้องเอาใจจีนโดยยอมส่งอุยกูคืนให้จีนทั้งที่ลี้ภัยมาไทยแต่ก็ต้องถูกส่งกลับไปตายที่จีนจนเกิดระเบิดที่ราชประสงค์อย่างนี้ต่อให้10"ไอ้กวง"ก็ต้องกลวงๆๆ 

*ปีนี้ส่งออกติดลบ3ทำให้ทหารจำต้องถอนสมอความอวดเก่งโดยพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะต้องยอมถอยให้นางอภิรดี ตันตราภรณ์อดีตปลัดกระกรวงพานิชย์ขึ้นเป็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์แทนแต่พลเอกฉัตรชัยในฐานะกระเป๋าเงินคสช.มาแต่ดั้งเดิมเมื่อครั้งหาเงินแบ่งกันใช้ในทีวีช่อง5ประยุทธ์จึงยังต้องให้ไปนั่งกระทรวงเกษตรที่เป็นแหล่งเงินงบเฉียดสองแสนล้านต่อไป...ขอแสดงความเสียใจล่วงหน้ากับเกษตรกรที่จะต้องทุกข์ยากหนักขึ้นกว่าเดิม 

*หลายกระทรวงเศรษฐกิจและกระทรวงหน้าตาที่ต้องคบค้าต่างประเทศที่ทหารอวดเก่งโง่แต่ขยันหาประโยชน์ต้องยอมถอยให้เช่นพานิชย์,คมนาคม,อุตสาหกรรมและต่างประเทศแต่สปท.ขอบอกตรงนี้เลยว่าไม่มีทางที่จะแก้เศรษฐกิจตกต่ำและความทุกข์ยากของประชาชนได้ด้วยปัจจัย3ตัวที่เป็นกุญแจล็อคเปิดไม่ออกคือ(1)ยังเป็นครม.เผด็จการที่จะต่ออำนาจไม่รู้จบที่โลกคว่ำบาตร...อย่างนี้ต่อให้10สมคิดก็คิดไม่ตก(2)งบส่วนใหญ่ยังนำไปบำรุงบำเรอราชสำนัก(ตัวอย่างล่าสุดใช้งบ2,000กว่าล้านบาทก่อสร้างอนุสาวรีย์7มหาราชที่หัวหินขนาดตัวสูงราวตึกสิบชั้นเท่าคิมอินซุงในเกาหลีเหนือในขณะที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจประชาชนอดอยาก)แม้แต่เพียงเศษเงินก็ไม่หล่นไปถึงมือชาวนาจำนำข้าวหรือเพื่อแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและการขาดแคลนน้ำ...อย่างนี้ต่อให้10ปลัดกระทรวงพานิชย์อุตสาหกรรมก็ทำอะไรไม่ได้(3)เศรษฐกิจทรุดสะสมตั้งแต่ยึดอำนาจจากหม่อมอุ๋ยที่อู้ยื้อกันมาปีกว่าจนค่าเงินบาทไหลตกลงไปใกล้36บาทต่อ1ดอลล่าแต่ต่อมาจีนที่คสช.ขอกอดตีนอยู่เกิดวิกฤติซ้ำอีกจำต้องลดค่าเงินหยวน,เป็นอย่างนี้เห็นทีบาทไทยต้องไหลลงไปอีกใกล้แตะ40บาทแน่ๆ...อย่างนี้ต่อให้ประยุทธ์บินไปเจรจาการค้าถึงดาวอังคารก็ต้องอาการปางตาย...ยิ่งมาเจอระเบิดทั้งจีนและฝรั่งตายนั่งท่องเที่ยวยิ่งหดหายชีวิตไทยคงตายคามือประยุทธ์แน่นอน 

*ข่าวระเบิดคนวิเคราะห์กันมากมาย สปท.ขอบายไปก่อนจนกว่าจะได้ข่าวกรองชัดเจนจึงจะกลับมารายงานแต่ที่แน่ๆคนวางระเบิดมันหักหน้าไบค์ฟอร์มัมและเป็นบทพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากเสียงระเบิดที่ป้องกันไม่ได้และไม่เคยจับได้นอกจากแพะก็คือทหารและตำรวจไทยเก่งแต่นุ่งกระโปรงแอบหลังไอ้โล้นเทพก่อจราจลแล้วยึดอำนาจเท่านั้นเรื่องป้องกันประเทศทำอะไรไม่เป็น555แล้วพบกันใหม่

//จบข่าว//

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"ทรงพระเฉือนคม" คนหนึ่งทำให้แม่...แต่คู่แข่งทำให้พ่อกับแม่ดูแน่กว่า

ข่าวลับกรองแล้ว12สิงหาคม2558 

สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.) http://thaiscandemo.blogspot.com/ 




*ที่หายไป2เดือนมิใช่อะไรแต่จะวัดใจความอึดและความด้านของหมอศิริราชกับสำนักพระราชวังว่าจะหน้าด้านหน้าทนไม่บอกความความจริงกับประชาชนว่าภูมิพลเป็นผักไปแล้วได้นานสักเท่าไรทั้งๆที่ใครก็แทงไฮโลถูกหมดทุกคนว่าอาการภูมิพลออกต่ำแน่ๆไม่มีออกสูงแล้ว 

*และแล้วก็อึดอยู่ได้2เดือนกับ10วันแถลงการณ์ฉบับที่14ก็ออกมาหลอกต่อว่าสุขภาพดีแต่ต้องเจาะเอาน้ำออกจากสมอง(อาการไข้คนไม่ใกล้ตายไม่มีแบบนี้)...สปท.ขอบอกตรงไปตรงมาว่านะบัดนาวเจ้าใหญ่ได้กลายเป็นผักแล้วส่วนจะกลายเป็นผักดองเค็ม10ปีแบบสังฆราชญานสังวรหรือผักเน่าแบบธรรมชาติ แต่ขอบอกว่าเป็นเรื่องยากเพราะไม่ว่าจะเป็นผักแบบใดแต่ละฝ่ายก็จะได้ประโยชน์ไม่เหมือนกัน แต่ผลที่ได้แน่ๆบนความขัดแย้งมี 2กลุ่มที่ได้คือกลุ่มคสช.ได้ประโยชน์จากอำนาจไปเรื่อยๆเต็มๆโดยไม่เลือกตั้ง ส่วนอีกกลุ่มคือประชาชนได้แน่คือความฉิบหายไปเต็มๆจากเศรษฐกิจแบบอาการภูมิพล 




*เรื่องนี้"ไอ้โล้นเทือก"กับสว.40และคสช.รู้ดีจึงโยนลูกไปมาเรื่องปฏิรูปการเมืองกับเรื่อง"รัดทำมะนวย"เพราะหากดองเค็มก็มีวิกฤติลูกชายลูกสาวไปอีกนาน แต่ถ้าหากให้ผักเน่า คสช.ก็จะอยู่นานเพื่อจัดงานศพมาราธอนต่อไป 

*เพื่อความมั่นใจสปท.ขอรายงานพระอาการเพิ่มเติมจากสำนักพระราชวัง(ประตูหลัง)ดังนี้... เนื่องจากการทำ V.P.Shunt(Ventriculo Peritoneum Shunt)คือการฝังท่อระบายน้ำจากช่องสมองเข้าสู่ช่องท้องที่เคยทำมาแล้วหลายปีเกิดปัญหาตันและปัญหาของเนื้อสมองเสื่อมอีกด้วยจำเป็นต้องยกเครื่องใหม่(คนปกติในช่องสมองน้ำจะระบายออกและซึมกลับไปตามปกติ)และอาการน้ำคั่งในสมองทำให้เกิดความจำเลอะเลือน ปวดหัวและมีอาการหลับไม่ค่อยตื่น ประกอบกับอาการหายใจอ่อนปอดไม่ทำหน้าที่ปกติจึงทำให้มีเสลดมากและคนไข้ทานข้าวเองไม่ได้100%แล้วล่าสุดได้ตัดสินใจให้อาหารทางสายยางทางช่องจมูก(N.G.pipe)แต่ยังจำกัดการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้โดยง่ายและเลิกการให้ทางปากแล้วเพราะป้อนเข้าไปแต่ร่างกายไม่รับแล้วเกิดอาการสำลักออกบ่อยๆเพราะถ้ายังทำต่อไปจะอันตรายเนื่องจากคนไข้มีอาการหลับต่อเนื่องอาการสำลักอาจจะทำให้อาหารอุดหลอดลมจะมีโอกาสตายทันทีได้...เรื่องใหญ่วันนี้คือหายใจไม่ออกเพราะเสล็ดพันคอมากและหลับเกือบทั้งวันต้องเขย่าตัวเกือบทุกวัน บางวันเขย่ากันแรงมากจำเป็นจะต้องเจาะคอแต่ก็ถกเถียงกันว่ายังอาจจะต้องเข็นหัวผักออกมาโชว์ถ้าจำเป็นจริงๆเพื่อร้องเพลง"ฉันยังอยู่ ยังอยู่คอยขู่คุณอยู่เสมอ" จึงกลัวว่าจะดูไม่สมบทบาทคนปกติเพราะต้องเอาผ้าพันคอปิดไว้เพราะเจาะคอไม่เหมือนเจาะเลือดจะได้ชักเข็มเข้าชักเข็มออกได้แต่เจาะคอเจาะแล้วเจาะเลยต้องคาสายไว้วันนี้ที่ผ่านมาต้องใช้วิธีดูดเสลดทำบ่อยๆเข้าก็เจ็บอักเสบจนทนไมไหวส่วนหมอก็แถลงข่าวหลอกๆแบบโลกสวยว่าใช้วิธีกายภาพบำบัดแต่ไม่บอกว่าบำบัดอย่างไร(เฉลยคือ...การใช้มือปั้มปอดเป็นระยะเพื่อบริหารเสลดจากการหายใจ...ว่าจริงๆก็ไม่มีผลอะไรมาก)...เรื่องใหญ่จึงกลายเป็นว่าไม่มีใครกล้าตัดสินใจวันนี้ที่จะให้เจาะคอและแถลงการณ์ฉบับที่14 ภาษาหมอเรียกว่า"แถลงการณ์ทัมจาย"เพราะใกล้แล้ว 

*เรื่องโชว์ตัวแบบรถเข็นเบนเฮอร์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆตามที่สปท.ได้รายงานไปแล้วตามฉบับที่ 13มิถุนา58ว่า"อย่าหวังจะเห็นนั่งรถเข็นเบนเฮอร์อีกต่อไป" 

*ใครจะทำใจก็ทำไป แต่2คนนี้กำลังทำกำไรทางใจกับประชาชนไม่หยุดหย่อน,เสี่ยโอจัดงานใหญ่"ไบค์ฟอร์มัม"ปั่นเพื่อแม่โดยสายคสช.ประยุทธทำพิธีจุดพลุให้เต็มที่เพื่อขอแลกกับอำนาจดวงตราลายเซนต์ปรมาภิไธยให้น้องชายเป็นผบ.ทบ. ส่วนเทพถ่างก็ไม่เบาเปิดรับบริจาคเงินออนไลน์ทั่วประเทศโดยหักลดหย่อนภาษีได้เพื่อเอาไปสร้างหอเฉลิมพระเกียรติ์ราชาภิเษกสมรส หนุนเนื่องโดยมูลนิธิ5ธันวามหาราชคอนเนคชั่นจุฬา...ราชาศัพท์เรียกว่า"ทรงพระเฉือนคม"

*ใครที่เที่ยวชอบโพนทนาว่าวังเขาดีกันแบ่งเค๊กเรียบร้อยแล้วช่วยอธิบายปรากฎการณ์นี้ให้ฟังหน่อย 
1)โครงการไบค์ฟอร์มัมของพี่ทำไมน้องถ่างไม่ไปร่วมขี่ด้วยทั้งๆที่เคยขี่จักรยานในงานอื่นๆได้?หรือว่าไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน? 
2)โครงการบริจาคเงินออนไลน์สร้างหอเฉลิมพระเกียรติ์งานสมรสพ่อแม่ของน้องถ่างทำไมพี่ชายไม่ร่วมด้วยทั้งๆที่ถนัดเรื่องการเรี่ยไร?หรือว่าไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน? 
3)28กรกฎางานวันเกิดพี่ชายน้องสาวก็ไม่ไปร่วม? 
4)ไม่ว่างาน1งาน2งาน3ต่างก็ประกาศเรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมแล้วทำไมพี่น้องกันเองไม่ไปร่วมด้วยของแต่ละงาน?ก็เห็นเรียกร้องให้ประชาชนสามัคคีแล้วทำไมพี่น้องไม่สามัคคีให้ประชาชนดู? 

*เรื่องแปลกแต่จริงยิ่งน่าสงสัย...อาการป่วยของประธานสภาพรเพชรจากสายจุฬาขาถ่างได้รับแจกันดอกไม้จากกษัตริย์ภูมิพลและราชินี แต่อาการป่วยของทหารเสือราชินีกลับได้แต่แจกันดอกไม้จากฟ้าชาย...เผยความในได้ว่าเทพถ่างจัดให้เป็นกำลังใจเพราะพรเพชรเป็นทั้งผู้พิพากษาและอาสารับใช้ให้ทุกคดีที่ผ่านมาส่วนเจ้าของชื่อที่ถูกอ้างไม่รู้เรื่องเพราะหนูถ่างจัดอ้างเอง...ส่วนสายอำนาจคสช.แม้จะเป็นทหารเสือราชินีแต่แต่กลับไม่มีแจกันราชินีให้มีแต่ของลูกชายจัดให้เอง...ชัดดีว่าวันนี้คสช.วางนโยบายใกล้ชิดฟ้าชายว่าที่ร.10 ส่วนสภาก็ถ่างขารอร.10ขาถ่าง...ช่างสนุกแท้ๆ 

*อีกงานขอตามแห่แต่ไม่รู้ที่มาที่ไปจะเข้าใจผิด...คือกรณีหมอณรงค์อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข(นกหวีดทองคำ)แต่ดันงัดข้อกับอธิการบดีมหิดลรัฐมนตรี(นกหวีดทองคำ)กระทรวงสาธารณสุขเด็กเทพถ่างทั้งคู่เกิดทะเลาะกันเมื่อหลายเดือนก่อนประยุทธ์จึงย้ายไปพักร้อนแต่เส้นใหญ่จึงได้กลับมาเป็นปลัดเหมียนเดิม...ก็ได้แจกันดอกไม้จากพระองค์ทูบีนัมเบอร์วันจึงทำท่าว่าเป็นเด็กเจ้าถ่ายรูปโชว์ชาวบ้านใหญ่...บอกความจริงกับประชาชนดีกว่าว่าต้องเอางบประมาณจากภาษีประชาชนไปจ่ายให้พระองค์โตเพื่อไปใช้ถลุงเล่นเต้นระบำกับแกรมมี่ในโครงการ"เสมอหูทูบีนัมเบอร์วัน"กี่ร้อยล้านในส่วนของกรมสุขภาพจิตและเศษเลยจากกรมต่างๆ...งานนี้เป็นคนละเรื่องกับเรื่องแจกันดอกไม้ข้างต้นแต่เป็นเรื่องหาเงินจากงบดูแลชาวบ้านเจ็บป่วยไปถวายถลุงใช้เป็นส่วนตัวแท้ๆ 


*ข่าวสำนักพระราชวังประตูหลังข้างต้นเพียงเท่านี้ก็มีค่ากว่าสืี่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายในประเทศไทยรวมกันทุกฉบับ...อ่านแล้วคุ้มพบกันใหม่อีกไม่นานอาการป่วยจะเดินตามที่สปท.แถลงมาทั้งหมด//